ข่าวดีปี 2568 สำหรับคนอยากมีบ้าน ครม. ลดค่าโอนที่ดินและค่าจดจำนองที่ดิน

ลดค่าดอกเบี้ยบ้านปี2568

ข่าวดีปี 2568 สำหรับคนอยากมีบ้าน ครม. ลดค่าโอนที่ดินและค่าจดจำนองที่ดิน เหลือ 0.01% สำหรับบ้าน – คอนโดไม่เกิน 7 ล้านบาท มีผลบังคับใช้ถึงเดือน มิ.ย. 69 มาตรการนี้ถือเป็นโอกาสทองของผู้ที่กำลังมองหา บ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองได้หลายหมื่นบาท เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการลด่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

  1. วัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่ บ้าน หรือคอนโด เป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์
  2. กลุ่มเป้าหมาย บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยที่ต้องการมีที่ บ้าน หรือคอนโด เป็นของตนเอง และผู้ขายที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ในราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท
  3. ระยะเวลาดำเนินการ ให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 30 มิ.ย. 69
  4. วิธีดำเนินการ ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน
ครม. ลดค่าโอน ลดค่าจดจำนองที่ดิน

มาตรการดังกล่าวข้างต้นจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ อันจะก่อให้เกิดการจ้างงานและการผลิต ซึ่งสอดรับกับมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยบรรเทาปัญหาอุปทานคงค้างที่อยู่ในระดับสูง